วัดทุ่งยาว

ท้าวเวสสุวรรณ

หลายคนคงจะปีติอยู่ในบุญและอิ่มใจกลับจากการไปทอดกฐินกันมาแล้ว  ก็อนุโมทนากับทุกๆ ท่านด้วย  ส่วนในปีหน้าคือ  วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 ทางวัดทุ่งยาวจะมีงานหล่อพระประธานประจำพระอุโบสถ  พร้อมทั้งพระอัครสาวก 2 องค์  รวมไปถึงท้าวเวสสุวรรณด้วย  ดังนั้นจึงใคร่ขอเชื้อเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญได้  โดยติดต่อสอบถามผ่านทางเว็บไซด์กับเจ้าหน้าที่ทางสายงานนี้ได้เลย

มาถึงตรงนี้ผู้อ่านคงมีความสงสัยและอยากรู้ว่า  แล้วยักษ์มาเกี่ยวข้องอะไรในพระพุทธศาสนา  ฉะนั้นในวันนี้ผู้เขียนจะนำเรื่องของท้าวเวสสุวรรณมาเล่าให้ฟังก่อน  เล่าถึงความเกี่ยวข้องของยักษ์ที่มีต่อพระศาสนา  เพราะบรรดาความหมายทั้งหมดของคำว่า ” ยักษ์ ” คือดุร้าย  โหดเหี้ยม  น่ากลัว  ยักษ์จะเป็นเทพไปได้อย่างไร  ถ้าอยากจะรู้ความเป็นมาของยักษ์คงต้องกล่าวถึงราชาแห่งยักษ์ก่อนนั่นก็คือ  ท้าวเวสวัณ หรือในภาษาไทยว่า เวสสุวรรณ  ในอดีตกาลก่อนที่พระพุทธเจ้าจะบรรลุเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ผู้ที่มีอิทธิฤทธิ์มากมายต่างต่อสู้กันเพื่อครอบครองความเป็นใหญ่  เพื่อชัยชนะต่างรบราฆ่าฟันกันต่างเผ่าพันธุ์อย่างไม่มีที่สุด  ต่างฝ่ายต่างผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะมาหลายชั่วกัลป์เลยทีเดียว  ต่อเมื่อพระพุทธเจ้าทรงบรรลุเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  พระธรรมเทศนาแผ่กว้างไปเป็นที่ประจักษ์แก่เทวดา มาร อินทร์ พรหมและยักษ์ทั้งหลาย  ต่างได้เปลี่ยนจิตใจที่โหดร้ายทารุณเหล่านี้ ให้รู้จักความรัก ความเมตตา การอภัยต่อกัน  แล้วตั้งพระพุทธเจ้าไว้ในหทัยว่าเป็นสรณะที่พึ่งตั้งแต่นั้นมา  ท้าวเวสวัณถือหลักธรรมประกอบไปด้วยเทวธรรม  เป็นธรรมที่ประพฤติตนให้เป็นเทวดา  มี 1. หิริ (ความเกรงกลัวต่อบาป)  2. โอตตัปปะ (ความละอายต่อบาป)  แล้วเข้าถึงซึ่งความเป็นเทพ  เป็นหนึ่งในท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่  ผู้คอยคุ้มครองปกป้องโลกมนุษย์ด้านทิศอุดร (ทิศเหนือ)  สถิตอยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุมมหาราชิกา  ได้รับการกล่าวขานในฐานะราชันแห่งขุมทรัพย์  และยังเป็นราชาแห่งยักษ์และเจ้าแห่งปีศาจทั้งปวง

มีอยู่สมัยหนึ่ง  ครั้งเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ เขาคิชฌกูฏใกล้เมืองราชคฤห์  ในครั้งนั้นท้าวมหาราชทั้งสี่  มีท้าวธตรัฏฐ์  ผู้เป็นใหญ่ในคนธรรพ์  ท้าววิรุฬหะ  ผู้เป็นใหญ่ในกุมภัณฑ์  ท้าววิรูปักษ์  ผู้เป็นใหญ่ในพวกนาค  และท้าวกุเวร  หรืออีกชื่อหนึ่งที่มหาชนย่อมรู้จักกันดีในนามว่า  ท้าวเวสวัณ  ผู้เป็นใหญ่ในยักษ์ทั้งหลาย  ท้าวเธอทั้งสี่มีความเลื่อมใสเห็นด้วยในธรรมที่พระพุทธเจ้าแสดงแล้ว  หยุดทำสงครามระหว่างกันและกัน  เพราะเห็นโทษแห่งการวิวาทและเห็นคุณแห่งการอยู่อย่างสันติ  ต่างฝ่ายต่างอยู่ด้วยกันได้ด้วยความปรองดอง  จึงทำการตกลงตั้งเขตแดนไม่ล่วงล้ำเขตซึ่งกันและกัน  ในขณะที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ ภูเขาคิชฌกูฏนั้น  ท้าวมหาราชทั้งสี่พร้อมใจกันมาเฝ้าแล้วทำการนัดหมายที่จะตั้งการคุ้มครอง  ตั้งการรักษาและตั้งการป้องกันไว้ทั้งสี่ทิศ  ด้วยเสนายักษ์กองใหญ่  ด้วยเสนาคนธรรพ์กองใหญ่  ด้วยเสนากุมภัณฑ์กองใหญ่  และด้วยเสนานาคกองใหญ่

ท้าวเวสวัณมหาราชประทัปนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง  ได้ปราศรัยสัมโมทนียกถาอันเป็นที่ระลึกถึงกันเสร็จสิ้นแล้ว  กราบทูลแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า  แม้ข้าพเจ้าจะเป็นราชาแห่งยักษ์ทั้งหลาย  แต่ยักษ์บางตนย่อมไม่เลื่อมใสต่อพระผู้มีพระภาคเจ้าก็มี  เหตุเพราะพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมเพื่องดเว้นจากการฆ่าสัตว์  จากการลักทรัพย์  จากการประพฤติผิดในกาม  จากการโกหก  จากการดื่มน้ำเมา  แล้วทรงชี้ให้เห็นถึงโทษที่จะเกิดขึ้นในปัจจุบันและภพหน้าอันเกิดจากสาเหตุในการฆ่าสัตว์นั้น ฯลฯ จนกระทั่งถึงการดื่มน้ำเมา  ผู้เข้าถึงธรรมย่อมพิจารณาแล้วปฏิบัติตามได้  แต่ยักษ์โดยมากมีวิสัยในการเสพและความเป็นอยู่เช่นนี้อย่างปรกติ  เกิดไม่พอใจไม่ยอมปฏิบัติตามเพราะความเขลา  ข้าพเจ้าจึงได้ตั้งกติกาแก่ยักษ์ทั้งหลายให้มีวันสำหรับบริโภคอาหารคือสิ่งมีชีวิตอาจมีมนุษย์เป็นต้นเป็นภักษาหารได้ 1 ชีวิต ตามกำหนดเขตในพื้นที่หรือในเวลาที่กำหนดให้  หากยักษ์ทั้งหลายหรืออมนุษย์เหล่าใดไม่ถือเอาคำพูด  ไม่กระทำตามข้อบังคับของท้าวมหาราชให้ถือเป็นปัจจามิตร  หรือเป็นผู้ประกาศให้รู้ทั่วกันว่าเป็นผู้มีเวรต่อท้าวมหาราชทั้งสี่และเสนาบดียักษ์ 28 ตน

ดังนั้นท้าวเวสวัณจึงทูลขอให้พระพุทธเจ้าจงทรงเรียนอาฏาฏิยรักษ์  ประกาศคาถาวิธีป้องกันภัยจากยักษ์และอมนุษย์ที่ไม่เดินอยู่ในธรรม  เข้าสิงมนุษย์หรือเบียดเบียนมนุษย์ให้ถึงความสิ้นอายุขัยก่อนวัยอันควร  ด้วยคาถาว่า อาฏานาฏิยสูตร  เป็นคาถาผูกขึ้นเพื่อป้องกันอมนุษย์เหล่านี้  จากนั้นจึงทูลพระพุทธเจ้าให้ยังภิกษุทั้งหลายศึกษาเล่าเรียนคาถาไว้อย่างคล่องแคล่ว  จะประกอบไปด้วยประโยชน์แก่มนุษย์ในการอยู่อย่างผาสุก  พ้นจากการถูกยักษ์หรือปีศาจทั้งหลายเบียดเบียนให้เกิดทุกข์  นี้จึงเป็นที่มาของการสวดคาถาป้องกันภัยและปัดเป่าความชั่วร้ายให้หายไป

ท้าวเวสสุวรรณจัดเป็นเทพที่สำคัญยิ่งใหญ่องค์หนึ่งที่พิทักษ์รักษาพุทธศาสนาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าท้าวสักกะเทวราชหรือพระอินทร์เลยทีเดียว  อาวุธประจำตัวของท้าวเธอคือคทาวุธ  อานุภาพของคทาวุธเมื่อปล่อยไปในเวลาโกรธจะตีศีรษะของยักษ์หลายพันให้ตกลงได้พร้อมกันแล้วกลับมาตั้งอยู่ยังเงื้อมมือได้อีก  จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าตามวัดวาอารามต่างๆ จะมีรูปปั้นยักษ์ 1 ตนบ้าง 2 ตนบ้าง ยืนถือกระบองค้ำพื้น  ซึ่งส่วนมากจะมี 2 ตน เฝ้าอยู่หน้าประตูโบสถ์หรือวิหารที่มีพระพุทธรูปหรือที่ๆ มีคนผ่านไปมาเห็นได้ง่าย  บางแห่งอาจสร้างเอาไว้ในวิหารหรือภายในศาลาก็มี

ประวัติเดิมก่อนที่จะเสวยชาติมาเป็นท้าวเวสวัณนั้น  มีเรื่องเล่าครั้งปฐมพุทธกัลป์อยู่ว่า  เมื่อพระพุทธเจ้ายังไม่อุบัติ  ท้าวมหาราชนี้เป็นพราหมณ์ชื่อกุเวร  ได้สร้างโรงหีบอ้อยประกอบเครื่องยนต์ 7 เครื่อง  กุเวรพราหมณ์ได้ให้ผลกำไรซึ่งเกิดขึ้นที่โรงเครื่องยนต์แก่มหาชนที่มาแล้ว  มาแล้วได้กระทำบุญ  ผลกำไรที่มากกว่าได้เกิดขึ้นในที่นั้นจากโรงหีบอ้อยที่เหลือ  กุเวรพราหมณ์เลื่อมใสด้วยบุญนั้นจึงถือเอาผลกำไรที่เกิดขึ้นแม้ในโรงที่เหลือให้ทานตลอดสองหมื่นปี  เขาได้ถึงแก่กรรมไปเกิดเป็นเทพบุตรชื่อกุเวรในสวรรค์ชั้นจาตุมมหาราชิกานับแต่นั้นมา  ภายหลังได้ครองราชย์ในราชธานีชื่อ วิสาณ  มหาชนจึงเรียกท้าวกุเวรมหาราชตามชื่อราชธานีว่า ท้าวเวสวัณ

จะไม่กล่าวถึงนครยักษ์ก็คงไม่ได้  เพราะวิสาณราชธานีนั้นมีความวิจิตรพิสดารไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าวิมานของเทพองค์ใดๆ เลย  และยังมีนครยักษ์อยู่ 10 นคร รายล้อมราชธานีนี้ไว้อยู่บนนภากาศ  วิสาณราชธานีตั้งอยู่ที่อุตตรกุรุทวีป  มีภูเขาหลวงชื่อ สิเนรุ  มียักษ์ประจำหน้าที่ดูแลแว่นแคว้น 12 ตน  และมียักษ์สำหรับรักษาประตูนครอีก 12 ตน  ในแต่ละวันยักษ์ทั้งหมดจะนำข่าวสาสน์ที่เป็นไปแจ้งให้กับท้าวมหาราชได้รับรู้  ภายในราชธานีมีห้วงน้ำชื่อ ธรณี  เป็นแดนอัศจรรย์เป็นแดนบันดาลให้เกิดเมฆเกิดฝน  กำเนิดขึ้นจากสระโบกขรณีที่ทั้งใหญ่ทั้งกว้างโดยประมาณวัดได้ 50 โยชน์  ฝนที่เกิดจากสระนั้นจะตกลงยังสระ  ทำน้ำเก่าให้ไหลออกจนหมด  เมื่อสระโบกขรณีเต็มไปด้วยน้ำใหม่  เมฆฝนจึงค่อยเคลื่อนหายไป  ในนครนี้ยังมีสภาที่ทำด้วยมณฑปแก้วโดยประมาณ 12 โยชน์ ชื่อภคลวดี  เป็นที่ประชุมของพวกยักษ์  ณ ที่แห่งนั้นยังปรากฏไม้ผลที่ออกผลเป็นนิจ  และไม้ดอกที่ออกดอกบานสะพรั่งไปทุกเวลา  มีนกประหลาดหลากหลายชนิด เช่น นกชีวะ จะร้องว่า ชีวะ ชีวะ (แปลได้ว่ามีชีวิตอยู่)  และนกที่ร้องด้วยเสียงปลุกใจ  ร้องอยู่ว่า ลุกขึ้นเถิด จิตตะ ลุกขึ้นเถิด จิตตะ  ยังมีนกชื่อทัณฑมาณวก  เป็นนกที่มีหน้าเหมือนคน  นกเหล่านี้จะเอาเท้าทั้งสองจับไม้ทองคำแล้ววางทองคำลงไปในใบบัวที่ไม่มีระหว่าง  นำมาวางจนเต็ม  ใบนั้นก็ไม่จมลง  สวนนพินีของท้าวเวสสุวรรณถือว่าเป็นสระปทุมที่งดงามราวกับต้องมนต์ทีเดียว

เรื่องน่ารู้จากสารานุกรมไทย  ท้าวเวสสุวรรณมีเรื่องอยู่ในรามเกียรติ์  เป็นพี่ต่างมารดาของทศกัณฐ์  เมื่อครั้งทศกัณฐ์ไปแย่งบุษบกของท้าวกุเวรไป  บุษบกเป็นของวิเศษที่พระพรหมประทานให้แก่ท้าวกุเวร  สามารถเหาะไปไหนมาไหนได้ดั่งใจนึก  พระพรหมคงจะรู้ได้โดยญาณว่าวันหนึ่งทศกัณฐ์จะมาแย่งชิงไป  จึงร่ายคาถาลงบนบุษบก  ถ้าหญิงใดมีสามีสามคนมานั่งลงบุษบกนี้  ฤทธานุภาพในบุษบกจะเสื่อมไปไม่สามารถเหาะไปไหนได้อีก  พอทศกัณฐ์ชิงไปได้ไม่นาน  ครั้งให้นางมณโฑซึ่งเป็นเมียของตนนั่ง  บุษบกนั้นก็เสื่อมฤทธิ์ในทันที  ท้าวกุเวรนี้เป็นโลกบาลประจำทิศเหนือ  จีนเรียกว่า โต้เหวน หรือ โต้บุ๋น  ญี่ปุ่นเรียก พสมอน  นับเป็นเรื่องที่น่าแปลกอยู่ว่าเรื่องราวเกี่ยวกับยักษ์ไม่ได้มีแต่ในเอเชียเท่านั้น  ยังมีทั้งในยุโรปและตะวันออกกลางอีกด้วย  เราไม่รู้หรอกว่าเมื่อหลายๆ พันปีก่อนหรือจะหมื่นๆ ปีก่อนยักษ์มีอยู่จริงหรือเป็นเพียงตำนาน  แต่โลกใบนี้ก็ไม่มีใครไม่รู้จักยักษ์เลย

หลายคนคงจะปีติอยู่ในบุญและอิ่มใจกลับจากการไปทอดกฐินกันมาแล้ว  ก็อนุโมทนากับทุกๆ ท่านด้วย  ส่วนในปีหน้าคือ  วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 ทางวัดทุ่งยาวจะมีงานหล่อพระประธานประจำพระอุโบสถ  พร้อมทั้งพระอัครสาวก 2 องค์  รวมไปถึงท้าวเวสสุวรรณด้วย  ดังนั้นจึงใคร่ขอเชื้อเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญได้  โดยติดต่อสอบถามผ่านทางเว็บไซด์กับเจ้าหน้าที่ทางสายงานนี้ได้เลย

เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง

พกาพรหม

ภาพจาก : กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม, พระพุทธรูปปางต่าง ๆ (จังหวัดนครปฐม :

Read More »
  • ค้นหา

เรื่องราวยอดนิยม
thไทย